วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551



.. คริสต์มาส คริสมาส ..
เป็นการฉลองการบังเกิดของพระเยซูที่เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า " คริสต์มาส " เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ ว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038 และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
ในภาษาไทย " คริสต์มาส " ก็มีความหมาย เช่นกัน คำว่า "มาส" แปลว่า "เดือน" เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์เจ้าเป็นพิเศษ คำว่า"มาส" คือ"ดวงจันทร์" ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก เหมือนดวงจันทร์ เป็นความสว่างในตอนกลางคืน Merry X'mas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า"สันติสุขและความสงบทางใจ"
คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ ถือเอาประเพณีของชนในท้องถิ่นนั้น มาประยุกต์เข้ากับศาสนา โดยจัดให้มีการฉลองเพื่อระลึก ถึงการบังเกิดของพระเยซู ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศประเพณี นี้ ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษ ที่ 4 และ ค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป
.. ซานตาคลอส ซานต้าครอส ..
วันคริสต์มาสนี้เริ่มตั้งแต่คริสตวรรษที่4 มีนักบุญคนหนึ่งชื่อ "นิโคลาส " หรือ "เซนต์นิโคลาส" ท่านเป็นนักบุญ ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเป็นเด็กหนุ่ม ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสังฆราชแห่งแคว้นไมรา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ท่านได้กลายเป็นนักบุญอุปถัมถ์ประจำชีวิตเด็ก
เด็กในประเทศอังกฤษ จะเรียกคุณตาใจดีว่า "คุณพ่อแห่งวันคริสต์มาส" ( Father Christmas ) เด็กเยอรมันนีเรียกว่า "ญาติแห่งพระคริสต์ " ( Christ Child ) เด็กชาวดัชท์เรียกว่า "ซาน นิโคลาส" หรือ "Sankt Klous" ในที่สุดกลายเป็น " ซานตาคลอส " ติดปากเด็กๆทั่วโลก
ในปี ค.ศ. 1866 นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกัน ชื่อ โธมัส แนส เป็นคนแรกที่วาดภาพของ ซานตาคลอส ขึ้นมาลักษณะเหมือนที่เรา เห็นทุกวันนี้ ลงพิมพ์ในหนังสือ "Horpers Weekly"เป็นครั้งแรกใบหน้าของซานตาคลอส เป็นสีแดงอมชมพูเหมือนกลีบกุหลาบ จมูกแดงเหมือนผลเชอรี่สุก นัยน์ตาสุกใสเป็นประกาย หนวดเคราสีขาวท่าทางใจดี ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียง ตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย คือความปิติยินดีชื่นชม ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง และที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กๆคือ ของขวัญ ของขวัญ และ ของขวัญ


.. ต้นคริสต์มาส ..
ในสมัยโบราณหมายถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตั้งแต่ศตวรรษที่11 ชาวคริสต์แสดงละครที่หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาสและเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉากแสดงถึง บาปกำเนิดของอาดัมและเอวาต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่าย ที่สุดในประเทศเหล่านั้น
การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้นกลายเป็นการเล่น เหมือน ลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนาซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดายที่ ไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆแบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน เพราะต้นไม้เป็นจุดเด่นในลานวัด ที่เขาเคยร่วมสนุกกัน จากนั้นก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ลและแขวนแผ่นขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท ซึ่ง ก็มีวิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็กลายเป็นขนมและของขวัญ อย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
เราจะเห็นได้ว่าวันคริสต์มาสเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง เพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่พระบุตร ของพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์เป็นพระเจ้า ที่จะอยู่กับเราตลอดไป เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ เป็นพี่หัวปีที่จะนำมนุษย์ทั้งมวลไปสู่พระบิดาเจ้า พระองค์เป็นความสำเร็จบริบูรณ์ ตามคำ สัญญาของพระเจ้าที่จะดูแลป้องกัน รักษาเราผู้เป็นประชากรของพระองค์

มารุจักNEROกัน


Nero Claudius Caesar Augustus Germanicus (15 December 37 – 9 June 68), born Lucius Domitius Ahenobarbus, also called Nero Claudius Caesar Drusus Germanicus, was the fifth and final Roman emperor of the Julio-Claudian dynasty. Nero was adopted by his great uncle Claudius to become heir to the throne. As Nero Claudius Caesar Augustus Germanicus, he succeeded to the throne on 13 October, 54, following Claudius' death.
Nero ruled from 54 to 68, focusing much of his attention on diplomacy, trade, and increasing the cultural capital of the empire. He ordered the building of theatres and promoted athletic games. His reign included a
successful war and negotiated peace with the Parthian Empire (58–63), the suppression of the British revolt (60–61) and improving relations with Greece. The First Roman-Jewish War (66-70) started during his reign. In 68 a military coup drove Nero from the throne. Facing execution, he committed suicide.
Nero's rule is often associated with tyranny and extravagance.He is known for a number of executions, including those of his mother and adoptive brother, as the emperor who "fiddled while Rome burned",and as an early persecutor of
Christians. This view is based upon the main surviving sources for Nero's reign — Tacitus, Suetonius and Cassius Dio. Few surviving sources paint Nero in a favorable light.Some sources, though, including those mentioned above, portray him as an emperor who was popular with the common Roman people, especially in the East.
The study of Nero is problematic as some modern historians question the reliability of ancient sources when reporting on Nero's alleged tyrannical acts.
[edit] Great Fire of Rome
Main article:
Great Fire of Rome
The Great Fire of Rome erupted on the night of 18 July to 19 July, 64. The fire started at the southeastern end of the Circus Maximus in shops selling flammable goods.

Sketch of Ancient graffiti portrait of Nero found at the Domus Tiberiana.
The extent of the fire is uncertain. According to
Tacitus, who was nine at the time of the fire, it spread quickly and burned for five days. It completely destroyed four of fourteen Roman districts and severely damaged seven.The only other historian who lived through the period and mentioned the fire is Pliny the Elder who wrote about it in passing.Other historians who lived through the period (including Josephus, Dio Chrysostom, Plutarch, and Epictetus) make no mention of it.
It is uncertain who or what actually caused the fire—whether accident or
arson. Suetonius and Cassius Dio favor Nero as the arsonist.Tacitus mentions that Christians confessed to the crime, but it is not known whether these were confessions induced by torture. However, accidentally started fires were common in ancient Rome.In fact, Rome suffered another large fire in 69 and in 80.
It was said by
Suetonius and Cassius Dio that Nero sang the "Sack of Ilium" in stage costume while the city burned.[87] Popular legend claims that Nero played the fiddle at the time of the fire, an anachronism based merely on the concept of the lyre, a stringed instrument associated with Nero and his performances. (There were no fiddles in 1st-century Rome.) However, Tacitus' account has Nero in Antium at the time of the fire.Tacitus also said that Nero playing his lyre and singing while the city burned was only rumor.
According to Tacitus, upon hearing news of the fire, Nero rushed back to Rome to organize a relief effort, which he paid for from his own funds.After the fire, Nero opened his palaces to provide shelter for the homeless, and arranged for food supplies to be delivered in order to prevent starvation among the survivors. In the wake of the fire, he made a new urban development plan. Houses after the fire were spaced out, built in brick, and faced by porticos on wide roads.Nero also built a new palace complex known as the
Domus Aurea in an area cleared by the fire. This included lush artificial landscapes and a 30 meter statue of himself, the Colossus of Nero.The size of this complex is debated (from 100 to 300 acres).To find the necessary funds for the reconstruction, tributes were imposed on the provinces of the empire.
According to Tacitus, the population searched for a scapegoat and rumors held Nero responsible. To diffuse blame, Nero targeted a sect called the
Christians. He ordered Christians to be thrown to dogs, while others were crucified and burned.
Tacitus described the event:

Consequently, to get rid of the report, Nero fastened the guilt and inflicted the most exquisite tortures on a class hated for their abominations, called Christians by the populace. Christus, from whom the name had its origin, suffered the extreme penalty during the reign of Tiberius at the hands of one of our procurators, Pontius Pilatus, and a most mischievous superstition, thus checked for the moment, again broke out not only in Judaea, the first source of the evil, but even in Rome, where all things hideous and shameful from every part of the world find their centre and become popular. Accordingly, an arrest was first made of all who pleaded guilty; then, upon their information, an immense multitude was convicted, not so much of the crime of firing the city, as of hatred against mankind. Mockery of every sort was added to their deaths. Covered with the skins of beasts, they were torn by dogs and perished, or were nailed to crosses, or were doomed to the flames and burnt, to serve as a nightly illumination, when daylight had expired.



พลิกปูม "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 มหาบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ1 จากอ๊อกฟอร์ด

ครอบครัว

เกิด วันที่ 3 สิงหาคม 2507 ที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษเป็นลูกชายคนเดียวและคนสุดท้องในจำนวน 3 คน ของ ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ และ ศ.พญ.สดใส เวชชาชีวะ

สมรส ดร. พิมพ์เพ็ญ (ศกุนตาภัย) เวชชาชีวะ อาจารย์ประจำ ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

บุตร - ธิดา 2 คน คือ ด.ญ.ปราง เวชชาชีวะ ด.ช.ปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ

การศึกษา

ปริญญาตรีด้านปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 1) มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ

ปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ

ปริญญาตรีด้านนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ประวัติการทำงาน

อาจารย์ประจำโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ กรุงเทพมหานคร มีนาคม 2535 , กันยายน 2535 , 2538 และ 2539 ,2544,2550

ปี 2535-2537 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ปี 2537 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายศุภชัย พานิชภักดิ์)

ปี 2538-2539 ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร

ปี 2538-2540 โฆษกพรรคประชาธิปัตย์

ปี 2540-2544 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ปี 2542 รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ปี 2548 หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประวัติย่อของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

เมื่อมีอายุไม่ถึงหนึ่งปี ครอบครัวเวชชาชีวะก็เดินทางกลับเมืองไทย เด็กชายอภิสิทธิ์เข้าเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลยุคลธร และต่อมาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังจากนั้นก็เดินทางไป เรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ที่โรงเรียนสเกทคลิฟ และที่โรงเรียนอีตัน นับเป็นช่วงที่อภิสิทธิ์ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนประจำเป็นเวลาหลายปีนอกจากหลักสูตรการเรียนที่ท้าทาย กฎระเบียบด้านวินัยที่เข้มงวดแล้ว โรงเรียนที่อังกฤษยังกำหนดให้ นักเรียนทุกคนต้องออกกำลังกายอีกด้วย จึงทำให้อภิสิทธิ์ได้หัดเล่นกีฬาหลายประเภท และที่ถนัดมากที่สุดคือ ฟุตบอล ซึ่งได้กลายเป็นกีฬาที่โปรดปราน ของอภิสิทธิ์มาจนถึงทุกวันนี้


วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เพื่อสุขภาพ

10 Essential Health Tips (The Basics to Practice Every Day)

1. Move MoreMake it a daily challenge to find ways to move your body. Climb stairs if given a choice between that and escalators or elevators. Walk your dog; chase your kids; toss balls with friends, mow the lawn. Anything that moves your limbs is not only a fitness tool, it's a stress buster. Think 'move' in small increments of time. It doesn't have to be an hour in the gym or a 45-minute aerobic dance class or tai chi or kickboxing. But that's great when you're up to it. Meanwhile, move more. Thought for the day: Cha, Cha, Cha…. Then do it!

2. Cut FatAvoid the obvious such as fried foods, burgers and other fatty meats (i.e. pork, bacon, ham, salami, ribs and sausage). Dairy products such as cheese, cottage cheese, milk and cream should be eaten in low fat versions. Nuts and sandwich meats, mayonnaise, margarine, butter and sauces should be eaten in limited amounts. Most are available in lower fat versions such as substitute butter, fat free cheeses and mayonnaise. Thought for the day: Lean, mean, fat-burning machine…. Then be one!

3. Quit Smoking The jury is definitely in on this verdict. Ever since 1960 when the Surgeon General announced that smoking was harmful to your health, Americans have been reducing their use of tobacco products that kill. Just recently, we've seen a surge in smoking in adolescents and teens. Could it be the Hollywood influence? It seems the stars in every movie of late smoke cigarettes. Beware. Warn your children of the false romance or 'tough guy' stance of Hollywood smokers. Thought for the day: Give up just one cigarette…. the next one.

4. Reduce Stress Easier said than done, stress busters come in many forms. Some techniques recommended by experts are to think positive thoughts. Spend 30 minutes a day doing something you like. (i.e.,Soak in a hot tub; walk on the beach or in a park; read a good book; visit a friend; play with your dog; listen to soothing music; watch a funny movie. Get a massage, a facial or a haircut. Meditate. Count to ten before losing your temper or getting aggravated. Avoid difficult people when possible. Thought for the day: When seeing red, think pink clouds….then float on them.

5. Protect Yourself from Pollution If you can't live in a smog-free environment, at least avoid smoke-filled rooms, high traffic areas, breathing in highway fumes and exercising near busy thoroughfares. Exercise outside when the smog rating is low. Exercise indoors in air conditioning when air quality is good. Plant lots of shrubbery in your yard. It's a good pollution and dirt from the street deterrent. Thought for the day: 'Smoke gets in your eyes'…and your mouth, and your nose and your lungs as do pollutants….hum the tune daily.

6. Wear Your Seat BeltStatistics show that seat belts add to longevity and help alleviate potential injuries in car crashes. Thought for the day: Buckle down and buckle up.

7. Floss Your TeethRecent studies make a direct connection between longevity and teeth flossing. Nobody knows exactly why. Perhaps it's because people who floss tend to be more health conscious than people who don't? Thought for the day: Floss and be your body's boss.

8. Avoid Excessive Drinking While recent studies show a glass of wine or one drink a day (two for men) can help protect against heart disease, more than that can cause other health problems such as liver and kidney disease and cancer. Thought for the day: A jug of wine should last a long time.

9. Keep a Positive Mental Outlook There's a definitive connection between living well and healthfully and having a cheerful outlook on life. Thought for the day: You can't be unhappy when you're smiling or singing.

10. Choose Your Parents Well The link between genetics and health is a powerful one. But just because one or both of your parents died young in ill health doesn't mean you cannot counteract the genetic pool handed you. Thought for the day: Follow these basic tips for healthy living and you can better control your own destiny.

เทคนิคเรียนดี

อ่านอย่างไรให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ


1. เริ่มอ่านด้วยหนังสืออ่านง่ายและสนุก อ่านสม่ำเสมอทุกวันในช่วงเวลาสั้น ๆ
2. มีความตั้งใจที่จะอ่านให้เร็วกว่าเดิม
3. กำหนดเวลาในการอ่านให้แน่นอน เช่น 30 นาที 1 ชั่วโมง
4. จับใจความให้ได้ด้วยการทดลองทำนายเนื้อเรื่องล่วงหน้า และทบทวนเรื่อง ที่อ่าน ผ่านไปแล้ว
5. ศึกษาศัพท์ความหมายของคำที่ใช้ คำใดที่ไม่แน่ใจควรทำเครื่องหมายไว้
6. อย่าพยายามเคลื่อนไหวสายตาย้อนกลับ จะทำให้เกิดความสับสน
7. อ่านโดยกวาดสายตาไปรอบ ๆ
8. อ่านในใจ ไม่พึมพำหรือทำปากขมุบขมิบ
9. จดบันทึกผลความก้าวหน้า
10. อย่าหยุดอ่านเพื่อจดบันทึกจนกว่าจะจบตอบหนึ่ง ๆ




เทคนิคการอ่านตำราเรียนให้ได้ดี


1. สำรวจหนังสือ : เพื่อรู้จักคุ้นเคย
2. อ่านแนวคิดหลัก : จับประเด็นสำคัญ
3. ตั้งคำถามขณะอ่าน : อะไร ทำไม อย่างไร ใคร เมื่อไร
4. เน้นประเด็นสำคัญ : ทำเครื่องหมาย
5. ประสานคำบรรยายกับตำรา : ช่วยให้เข้าใจลึกซึ้ง
6. ทบทวน : บ่อย ๆ จะจำได้ดี